คำอธิบาย
Robert Mondavi Private Selection Merlot เป็นไวน์แดงที่ผลิตโดย Robert Mondavi Winery หนึ่งในผู้ผลิตไวน์ชั้นนำของแคลิฟอร์เนีย ไวน์รุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของสายผลิตภัณฑ์ Private Selection ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตไวน์คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ โดยใช้องุ่นจากแหล่งปลูกที่ดีทั่วแคลิฟอร์เนียตอนกลาง ทำให้ได้ไวน์ Merlot ที่มีความนุ่มนวล สมดุล และสามารถดื่มได้ง่าย เหมาะสำหรับการดื่มประจำวันหรือในโอกาสพิเศษแบบไม่เป็นทางการ
รางวัลและคะแนนที่ได้รับ (Reward & Score)
- Wine Enthusiast: 87 คะแนน (วินเทจ 2019)
- Wine Spectator: 86 คะแนน (วินเทจ 2018)
- Tastings.com (Beverage Testing Institute): 88 คะแนน, เหรียญเงิน (วินเทจ 2017)
- San Francisco International Wine Competition: เหรียญเงิน (วินเทจ 2016)
- Los Angeles International Wine Competition: เหรียญทองแดง (วินเทจ 2015)
ประวัติความเป็นมา วิธีการผลิตและแหล่งกำเนิด (History)
Robert Mondavi เป็นผู้บุกเบิกวงการไวน์แคลิฟอร์เนียที่มีชื่อเสียงระดับโลก Private Selection Merlot ผลิตจากองุ่นที่ปลูกในแหล่งต่างๆ ทั่วแคลิฟอร์เนียตอนกลาง โดยใช้องุ่นพันธุ์ Merlot เป็นหลัก (ประมาณ 75-85%) และอาจมีการเพิ่มองุ่นพันธุ์อื่นๆ เช่น Cabernet Sauvignon หรือ Syrah ในสัดส่วนเล็กน้อยเพื่อเพิ่มโครงสร้างและความซับซ้อน หลังการหมัก ไวน์จะถูกบ่มในถังโอ๊คเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อเพิ่มมิติและความนุ่มนวลให้กับรสชาติ
ลักษณะรสสัมผัสและกลิ่น (Palate & Aroma)
Robert Mondavi Private Selection Merlot มีสีแดงทับทิมปานกลางถึงเข้ม กลิ่นหอมของผลไม้สีแดงสุก เช่น เชอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ และพลัม ผสานกับกลิ่นของเครื่องเทศอ่อนๆ วานิลลา และโน้ตของไม้โอ๊คเบาๆ ในปากให้รสสัมผัสที่นุ่มนวล (medium-bodied) ด้วยแทนนินที่อ่อนนุ่ม รสชาติของผลไม้แดงสุกเด่นชัด ตามด้วยโน้ตของช็อกโกแลตนมและวานิลลาเล็กน้อย มีความสมดุลที่ดีระหว่างความเปรี้ยวสดชื่นและความหวานของผลไม้ จบด้วยรสสัมผัสที่นุ่มนวลและกลมกล่อม
อาหารที่เหมาะสมในการจับคู่ (Food Pairing)
Robert Mondavi Private Selection Merlot เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลายประเภท ด้วยความนุ่มนวลและความเป็นมิตรในการดื่ม เช่น:
- พาสต้าซอสมะเขือเทศหรือซอสเนื้อ
- พิซซ่าหน้าต่างๆ โดยเฉพาะที่มีเห็ดหรือเนื้อสัตว์
- ไก่อบหรือไก่ย่าง
- เนื้อหมูย่างหรืออบ
- สเต๊กเนื้อวัวที่ไม่เข้มข้นมากนัก เช่น เนื้อสันใน
- ชีสที่มีรสอ่อนถึงปานกลาง เช่น Gouda หรือ Brie
- อาหารเม็กซิกันที่ไม่เผ็ดจัด เช่น เบอร์ริโต้หรือเอนชิลาดา
ความนุ่มนวลและรสผลไม้ของไวน์ช่วยเสริมรสชาติของอาหารได้ดี โดยไม่กลบรสชาติของอาหาร ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการดื่มในมื้ออาหารทั่วไป
อุณหภูมิที่เหมาะในการเสิร์ฟ (Serving)
เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ควรเสิร์ฟ Robert Mondavi Private Selection Merlot ที่อุณหภูมิประมาณ 15-18 องศาเซลเซียส (59-64 องศาฟาเรนไฮต์) แนะนำให้เปิดขวดล่วงหน้าประมาณ 15-20 นาทีก่อนดื่มเพื่อให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะช่วยให้กลิ่นและรสชาติของไวน์เปิดตัวได้ดียิ่งขึ้น การใช้แก้วไวน์แดงทรงใหญ่ เช่น แก้วบอร์โดซ์หรือแก้ว Merlot จะช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำกับกลิ่นและรสชาติของไวน์ได้อย่างเต็มที่ ไวน์รุ่นนี้เหมาะสำหรับการดื่มทันทีและไม่จำเป็นต้องเก็บบ่มต่อ แต่สามารถเก็บไว้ได้ 1-2 ปีหากต้องการ