คำอธิบาย
ไวน์นี้ได้รับการจัดอันดับเป็น Cru Bourgeois ในการจัดอันดับไวน์ Bordeaux ซึ่งแสดงถึงคุณภาพและความคุ้มค่าที่โดดเด่น ไร่องุ่นตั้งอยู่ในเขต Haut-Médoc ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของ Bordeaux โดยมีประวัติการผลิตไวน์มายาวนานกว่าสองศตวรรษ
ประวัติความเป็นมา วิธีการผลิตและแหล่งกำเนิด (History)
มีประวัติย้อนไปถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยไร่องุ่นได้รับการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพมาอย่างต่อเนื่องภายใต้การดูแลของครอบครัวเจ้าของและทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการทำไวน์
ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีดินกรวดผสมดินเหนียว ซึ่งเป็นลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกองุ่นคุณภาพสูง กระบวนการผลิตเน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การดูแลไร่องุ่นแบบยั่งยืน การเก็บเกี่ยวด้วยมือ การคัดเลือกองุ่นอย่างเข้มงวด การหมักในถังสแตนเลสควบคุมอุณหภูมิ และการบ่มในถังไม้โอ๊กฝรั่งเศสเป็นเวลาประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวินเทจ
ลักษณะรสสัมผัสและกลิ่น (Palate & Aroma)
มีสีแดงเข้มสวยงาม เมื่อสูดดมจะได้กลิ่นหอมซับซ้อนของผลไม้สีแดงและสีดำ เช่น แบล็กเคอแรนต์ เชอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่ ผสานกับกลิ่นของเครื่องเทศ เช่น กานพลูและวานิลลา ตามด้วยกลิ่นหอมของไม้ซีดาร์ ยาสูบ และกลิ่นดินแร่
รสชาติในปากมีความเข้มข้น สัมผัสได้ถึงรสของผลไม้สุก แยมเบอร์รี่ และลูกเกด ตามด้วยความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศและความหอมของวานิลลา มีโครงสร้างแทนนินที่แน่นแต่นุ่มนวล ความสมดุลระหว่างความเปรี้ยวและความหวานทำให้ไวน์มีความกลมกล่อมและซับซ้อน ท้ายลิ้นยาวนานด้วยรสชาติของช็อกโกแลต กาแฟคั่ว และแร่ธาตุ
อาหารที่เหมาะสมในการจับคู่ (Food Pairing)
เป็นไวน์ที่มีรสชาติเข้มข้นและซับซ้อน จึงเหมาะกับอาหารที่มีรสจัดและมีความซับซ้อนเช่นกัน แนะนำให้จับคู่กับ:
- เนื้อวัวย่าง โดยเฉพาะสเต๊กเนื้อวัวคุณภาพสูง
- เนื้อแกะย่างหรือตุ๋น
- อาหารฝรั่งเศสคลาสสิก เช่น Coq au Vin หรือ Beef Bourguignon
- เนื้อสัตว์ป่า เช่น เนื้อกวางหรือหมูป่า
- ชีสแข็งที่มีรสจัด เช่น Comté หรือ Roquefort
- อาหารที่มีเห็ดทรัฟเฟิลเป็นส่วนประกอบ
นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับการดื่มเพื่อเพลิดเพลินได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษหรือการเฉลิมฉลอง
อุณหภูมิที่เหมาะในการเสิร์ฟ (Serving)
เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่ดีที่สุด ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิประมาณ 16-18 องศาเซลเซียส (60-64 องศาฟาเรนไฮต์) การเสิร์ฟที่อุณหภูมินี้จะช่วยให้กลิ่นและรสชาติของไวน์เปิดตัวออกมาอย่างเต็มที่ โดยไม่เย็นจนเกินไปจนทำให้กลิ่นและรสชาติถูกกดทับ
แนะนำให้เปิดขวดและรินใส่ดีแคนเตอร์ (decanter) ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนดื่ม เพื่อให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศ ช่วยให้กลิ่นและรสชาติเปิดตัวได้อย่างเต็มที่ การใช้แก้วไวน์ที่มีปากกว้างและทรงสูงจะช่วยให้สัมผัสกลิ่นและรสชาติของไวน์ได้ดียิ่งขึ้น
เป็นไวน์ที่มีศักยภาพในการเก็บบ่มสูง สามารถเก็บบ่มได้ 10-15 ปีหรือมากกว่านั้นในวินเทจที่ดี การบ่มจะช่วยให้รสชาตินุ่มนวลและซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็สามารถดื่มได้ในช่วง 3-5 ปีแรกหลังจากวินเทจ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล